เปิดรับสมัครแล้ว โครงการ “ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น” ช่วงเดือน ตุลาคม 2567

ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น

ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคมนี้ ไปพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศและเรียนรู้วัฒนธรรม ที่ต่างประเทศกันดีกว่า กับคอร์ส ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น มีให้เลือก 3 สไตล์ 3 ประเทศ

ทำไมจึงควรไปซัมเมอร์กับพี่โทนี่?

  • น้องๆ จะได้เรียนและเพิ่มสกิลภาษาอังกฤษ
  • น้องๆ จะได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ในชีวิตประจำวัน
  • น้องๆ จะได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒธรรมใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ
  • น้องๆ จะได้ทัศนศึกษาสถานที่สำคัญๆต่างๆ ของประเทศที่ไป และได้แวะชอปปิ้ง ซื้อของฝากให้กับคุณพ่อคุณแม่
  • น้องๆ จะได้ใบ Certificate หลังจบโครงการจากสถาบันที่เรียน
  • มีเจ้าหน้าที่พี่โทนี่ที่เป็นคนไทยดูแลตลอดการเดินทาง

ประเทศที่เปิดรับสมัคร คอร์ส ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น ช่วงเดือน ตุลาคม 2567

ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น ที่เมือง Canterbury ประเทศอังกฤษ

ระยะเวลาโครงการ

6-27 ตุลาคม 2567 (3 สัปดาห์)

สถานที่ Highlight

Canterbury Cathedral, Harry Potter Warner Bros. Studio Tour, Tower Bridge, Big Ben, Cambridge Town, สวนสนุก Thorpe Park

อุณหภูมิ

9-14°

ราคาเพียง 189,000 บาท

สิ่งที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย

  • ค่าเรียนวิชาภาษาอังกฤษและค่าเข้าโรงเรียนมัธยมท้องถิ่น
  • ค่าที่พักกับครอบครัวท้องถิ่น พร้อมอาหารเช้าและเย็น
  • ค่าเดินทางภายในประเทศอังกฤษ
  • ค่าวีซ่าและค่าดำเนินการ
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุ
  • ค่าบริการรถรับส่งสนามบิน
  • ค่าเที่ยวและกิจกรรมตามกำหนด
  • ค่าเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดการเดินทาง

ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น ที่เมือง Vancouver ประเทศแคนาดา

ระยะเวลาโครงการ

6-27 ตุลาคม 2567 (3 สัปดาห์)

สถานที่ Highlight

Robson Street, Flyover Canada, Full Day Victoria, Steveston Village

อุณหภูมิ

8-14°

ราคาเพียง 195,000 บาท

สิ่งที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย

  • ค่าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
  • ค่าที่พักกับครอบครัวท้องถิ่น พร้อมอาหารเช้าและเย็น
  • ค่าวีซ่าและค่าดำเนินการ
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุ
  • ค่าบริการรถรับส่งสนามบิน
  • ค่าเที่ยวและกิจกรรมตามกำหนด
  • ค่าเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดการเดินทาง

ซัมเมอร์ต่างประเทศ ระยะสั้น ที่เมือง Sydney ประเทศออสเตรเลีย

ระยะเวลาโครงการ

6-27 ตุลาคม 2567 (3 สัปดาห์)

สถานที่ Highlight

Sydney Tower Eye, Sydney Opera House, สวนสนุก Luna Park, La Perouse

อุณหภูมิ

12-22°

ราคาเพียง 179,000 บาท

สิ่งที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย

  • ค่าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
  • ค่าที่พักกับครอบครัวท้องถิ่น พร้อมอาหารเช้าและเย็น (2 สัปดาห์แรก)
  • ค่าหอพัก พร้อมอาหารเช้าและเย็น บางมื้อ (สัปดาห์สุดท้าย)
  • ค่าวีซ่าและค่าดำเนินการ
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุ
  • ค่าบริการรถรับส่งสนามบิน
  • ค่าเที่ยวและกิจกรรมตามกำหนด
  • ค่าเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดการเดินทาง

เปิดรับสมัครแล้ว !! โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ (ประจำปีการศึกษา 2568-2569)

นักเรียนแลกเปลี่ยน 2568-2569

โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน คือ โครงการที่จัดขึ้น เพื่อให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา ได้มีโอกาสไปเรียนและใช้ชีวิตในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะได้เรียนในโรงเรียนมัธยมประเภทรัฐบาลในต่างประเทศเป็นระยะเวลา 1 ปีการศึกษา ตามหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพิ่มพูนทักษะทางภาษา พัฒนาความเป็นผู้นำและทักษะทางสังคมของนักเรียน และยังได้พัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้าน วัฒนธรรม การปรับตัว ความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ความมีวินัย อีกทั้งยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอาสาสมัคร และเรียนรู้ชีวิตของคนท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากนี้น้องๆยังได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ๆได้พบปะเพื่อนจากหลากหลายๆประเทศ และค้นพบตัวเองที่เติบโตทางความคิดขึ้นอีกหนึ่งขั้น และพร้อมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตข้างหน้า

วันที่เปิดรับสมัคร : เปิดรับสมัครแล้ว

หมดเขตรับสมัคร : วันที่ 31 กรกฎาคม 2567

ประเทศที่เปิดรับสมัคร นักเรียนแลกเปลี่ยน ประจำปีการศึกษา 2568-2569

  • สหรัฐอเมริกา (F-1/ J-1)
    • สำหรับ F-1 : นักเรียนสามารถเลือกโรงเรียน เมือง และรัฐเองได้
    • สำหรับ J-1 : นักเรียนไม่สามารถเลือกโรงเรียน เมือง และรัฐเองได้ ขึ้นอยู่กับ Host Family ที่เป็นอาสาสมัคร
  • แคนาดา
  • อังกฤษ
  • นิวซีแลนด์
  • แอฟริกาใต้ (เมือง Cape Town)
  • จีน
  • ฝรั่งเศส
  • สเปน
  • อิตาลี
  • เยอรมันนี
นักเรียนแลกเปลี่ยน 2568-2569

คุณสมบัติผู้สมัคร นักเรียนแลกเปลี่ยน

  • นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 – ชั้นปีที่ 4
  • นักเรียนที่สอบผ่านข้อเขียนและการสัมภาษณ์
  • นักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ย 2.50 ขึ้นไป
  • นักเรียนที่มีอายุ 15 – 18 ปีบริบูรณ์ (อายุ15ปีบริบูรณ์ ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2568)
  • นักเรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เพื่อไปใช้เรียนต่อมหาวิทยาลัย หรือประกอบอาชีพในอนาคคต
  • นักเรียนที่อยากค้นหาตัวเอง และเป้าหมายในชีวิต
  • นักเรียนที่ต้องการอิสระทางความคิด และต้องการเรียนรู้ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมในต่างประเทศ
  • นักเรียนที่อยากท่องเที่ยวออกไปสัมผัสโลกกว้าง เปิดโลกทัศน์และได้เรียนรู้โลกที่แตกต่าง

ทำไม? ควรเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน

  • ได้พัฒนาทักษะภาษา นักเรียนจะได้ใช้ภาษาในทุกๆ วัน ในชีวิตจริงตลอดระยะเวลาที่อยู่ต่างประเทศ ภาษาแข็งแรงขึ้นสามารถเพิ่มโอกาสในชีวิตทั้งเรื่องเรียน และการทำงาน
  • 1 ปี ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ โอกาสเพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตนักเรียนมัธยมฯ จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งความคิด ทัศนคติและมุมมองในเรื่องอื่นๆ
  • ได้รู้จักเพื่อนใหม่ และประสบการณ์ใหม่ จะได้พบเพื่อนต่างชาติจากทั่วโลก รอบล้อมไปด้วยสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
  • มีโอกาสในการค้นหาตัวเอง และเป้าหมายของชีวิตมากขึ้น บางครั้งการได้ไปใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่ กับผู้คนใหม่ และได้ใช้เวลากับตัวเอง อาจนำพาซึ่งการค้นพบตัวเองในมุมอื่น ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

สิ่งที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย

  • ค่าธรรมเนียมโครงการ 1 ปีการศึกษา
  • ค่าที่พักกับครอบครัวอุปถัมภ์ หรือหอพักนักเรียน
  • ค่าอาหารเช้าเย็น (วันธรรมดา) และค่าอาหาร 3 มื้อ (วันเสาร์-อาทิตย์) ที่จัดทำโดยครอบครัวอุปถัมภ์
  • ค่าจัดหา และตรวจสอบครอบครัวอุปถัมภ์ของนักเรียน
  • ค่าดำเนินการ และค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee)
  • ค่าประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ
  • ค่าติดต่อดำเนินการ / ประสานงานของเจ้าหน้าที่มูลนิธิ และเจ้าหน้าที่โครงการในประเทศไทย
  • ค่าบริการรับส่งนักเรียนที่สนามบิน
  • ค่าจัดทำประกาศนียบัตร Honorary Diploma เมื่อจบโครงการ

*เป็นรายละเอียดโดยคร่าว อาจมีบางอย่างแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ

สิ่งที่ไม่รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายในการแปลเอกสารทำวีซ่า และค่าจัดทำเอกสารอื่นๆ ก่อนการเดินทาง
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
  • ค่าตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางของเที่ยวบินภายในประเทศ และค่าใช้จ่ายน้ำหนักกระเป๋าที่เกินอัตรากำหนดของแต่ละสายการบิน
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว รวมถึงอาหารกลางวันที่โรงเรียน และค่าใช้จ่ายด้านกีฬา และสันทนาการอื่นๆ ของโรงเรียนเพิ่มเติม
  • ค่าทัศนศึกษาระหว่างปีของมูลนิธิ Nacel Open Door (นักเรียนสามารถเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วมก็ได้)

*เป็นรายละเอียดโดยคร่าว อาจมีบางอย่างแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ

ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ

  • ระยะเวลา 10 เดือน ( 1 ปีการศึกษา )
  • เดินทาง กรกฎาคม/ สิงหาคม/ กันยายน ปี 2568 – มิถุนายน ปี 2569

*ช่วงเวลาการเดินทางอาจมีแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขการเปิดเรียนของแต่ละประเทศ

ขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

  • ติดต่อขอสมัครสอบได้ที่ Tony Education เบอร์ 093-236-4553 | 096-861-2553 Line : @tonyeducation (มี @ ด้วยนะคะ)
  • ส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการ พร้อมชำระค่ามัดจำ 60,000 บาท ภายในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2567
  • ฟังประกาศผลสอบข้อเขียน หากผ่านสามารถสอบสัมภาษณ์กับตัวแทนมูลนิธิฯ
  • หลังจากผ่านแล้ว เริ่มนัดประชุมผู้ปกครองเพื่อรับฟังระเบียบและขั้นตอน
  • เริ่มขั้นตอนการทำ Portfolio ที่ต้องแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2567
  • ชำระค่าใช้จ่าย งวดที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2567
  • ชำระค่าใช้จ่าย งวดที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม 2567
  • ชำระค่าใช้จ่าย งวดที่ 4 ภายในเดือนธันวาคม 2567
  • รอผลตอบรับจากทางมูลนิธิฯ
  • เริ่มขั้นตอนการเตรียมเอกสารใช้ทำวีซ่า เดือนเมษายน 2568
  • ยื่นวีซ่าภายในเดือนมิถุนายน 2568
  • ปฐมนิเทศก่อนออกเดินทางภายในเดือนกรกฎาคม หรือหลังสอบกลางภาคเรียนที่ 1/2568
  • ออกเดินทางช่วงกลางเดือน กรกฎาคม/ สิงหาคม /กันยายน 2568
  • เดินทางกลับถึงประเทศไทยช่วงเดือน มิถุนายน ปี 2569
  • ดำเนินการเรื่องการเทียบโอนผลการเรียน

(กำหนดการเดินทางจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการเปิด-ปิดภาคเรียนหรือข้อกำหนดของโรงเรียน)

ค่าใช้จ่ายเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนแต่ละประเทศ

ประเทศ ค่าใช้จ่าย
สหรัฐอเมริกา ( J-1 )
เริ่มต้น 490,000 บาท
สหรัฐอเมริกา ( F-1 )
เริ่มต้น 850,000 บาท
แคนาดา
เริ่มต้น 890,000 บาท
อังกฤษ
เริ่มต้น 790,000 บาท
นิวซีแลนด์
เริ่มต้น 850,000 บาท
แอฟริกาใต้ (เมือง Cape Town)
เริ่มต้น 540,000 บาท
จีน
เริ่มต้น 390,000 บาท
ฝรั่งเศส
เริ่มต้น 590,000 บาท
สเปน
เริ่มต้น 590,000 บาท
อิตาลี
เริ่มต้น 590,000 บาท
เยอรมัน
เริ่มต้น 590,000 บาท

*สำหรับ F-1 : นักเรียนสามารถเลือกโรงเรียน เมือง และรัฐเองได้

*สำหรับ J-1 : นักเรียนไม่สามารถเลือกโรงเรียน เมือง และรัฐเองได้ ขึ้นอยู่กับ Host Family ที่เป็นอาสาสมัคร

รู้หรือไม่? : เข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน กลับมาแล้วไม่ต้องซ้ำชั้น ยกเว้น นักเรียนที่ต้องการเป็น แพทย์ วิศวกร หรือคณะที่ต้องใช้เกรดยื่น 5 เทอม

ภาพบรรยากาศนักเรียนแลกเปลี่ยน TONY : น้องจีน

นักเรียนแลกเปลี่ยน Tony

✈️ น้องจีนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่รัฐ Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกเลยว่าน้องคนนี้ไม่ธรรมดา‼️ เพราะน้องจีนได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ที่โรงเรียนด้วยคร้าบ 😍 ส๊วดดยอดดดด 👏🏻👏🏻

ภาพบรรยากาศนักเรียนแลกเปลี่ยน TONY : น้องโจชัวร์

นักเรียนแลกเปลี่ยน Tony

พี่โทนี่นำบรรยากาศของน้องโจชัวร์ นักเรียนแลกเปลี่ยนที่เมือง Kenosha รัฐ Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา มาฝากคร้าบ ‼️ ถ้าอยากติดตามชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนของน้องโจชัวร์เพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ ไอจี j_joshuaa ได้เลยนะครับผมม 😍

[ข่าวสาร] Testimonial จากผู้ปกครองและน้องๆ ที่มีต่อโปรแกรมซัมเมอร์ รอบเดือนเมษายน 2566

Testimonials ซัมเมอร์

พี่โทนี่ขอขอบคุณพ่อแม่ผู้ปกครองและน้องๆทุกคน ที่ไว้วางใจเลือก Tony Education เป็นเพื่อนซี้ได้ดูแลทริปโปรแกรมซัมเมอร์ในครั้งนี้ 🥰✈️ พี่โทนี่ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีและมีประสิทธิภาพให้กับน้องๆ และทริปนี้ราบรื่นได้เพราะน้องๆทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเลย~😍

ซัมเมอร์หน้าอยากไปไหนแกล้งๆรีเควสไว้ก่อนได้เลยค้าบบ

[ข่าวสาร] โปรแกรม ซัมเมอร์ ช่วงเดือน เม.ย. 66

ซัมเมอร์ 66

จบไปเเล้วกับโปรแกรมซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ รอบ เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ทางบริษัท โทนี่เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ขอขอบพระคุณ โรงเรียนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี, โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย, โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม, โรงเรียนอัสสัมชัญ หลักสูตรภาษาอังกฤษ แคมปัสพระราม2, โรงเรียนวัดสุทธิวราราม, โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ ที่ไว้วางใจให้ทางบริษัทฯ จัดคอร์สซัมเมอร์ช่วงปิดภาคเรียน และได้มีโอกาสดูแล น้องๆ นักเรียน ในทุกๆขั้นตอน หากทางบริษัทฯ มีข้อบกพร่องประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันนี้พี่โทนี่มีภาพกิจกรรมบางส่วนของ Summer Program ที่ประเทศต่างๆ มาให้ชมกันครับ

Tony in Vancouver, Canada Group 1

Tony in Vancouver, Canada Group 2

Tony in LA, USA

Tony in Canterbury, UK

Tony in Perth, Australia

Tony in Taipei, Taiwan

Tony in Singapore

Tony in Japan

เร็วๆนี้ พี่โทนี่กำลังจะเปิดคอร์สซัมเมอร์รอบใหม่ เดินทางช่วงเดือน ต.ค. 66 อย่าลืมกดติดตาม Facebook พี่โทนี่ไว้จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆ กันนะครับ ขอแอบกระซิบอีกอย่าง น้องๆ ที่เคยไป Summer Program กับพี่โทนี่ก็ถือเป็นศิษย์เก่า Tony Education ยังได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศกับพี่โทนี่ในครั้งต่อๆ ไปด้วยนะ

5 คอร์สวิชาชีพยอดนิยม ที่ประเทศออสเตรเลีย

คอร์สวิชาชีพ ออสเตรเลีย

น้องๆ หลายคน มีแพลนที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศออสเตรเลียมีคอร์สเรียนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ คอร์สเรียนวิชาชีพหรืออนุปริญญา คอร์สเรียนระดับปริญญาตรี โท และเอก ซึ่งน้องๆ หลายคน ที่เรียนจบปริญญาตรีที่ไทย และอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ก็ไม่อยากไปเรียนแค่ภาษา อยากจะไปเรียนทักษะอื่นๆ หรือเพิ่มพูนทักษะในสายงานที่เรียนจบมาด้วย อาจจะยังคิดไม่ตกว่าควรจะเลือกเรียนแบบไหนดี พี่โทนี่ขอแนะนำการไปเรียนต่อในระดับวิชาชีพ ที่ประเทศออสเตรเลียครับ

หลักสูตรวิชาชีพในออสเตรเลีย

หลักสูตรวิชาชีพ คืออะไร?

หลักสูตรวิชาชีพ Vocational Education and Training หรือ VET เป็นหลักสูตรยอดนิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการมาเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ค่าใช้จ่ายไม่สูง มีคุณภาพเพราะอยู่ภายใต้ สำนักงานคุณภาพทักษะออสเตรเลีย (Australian Skills Quality Authority หรือ ASQA) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลในคอร์สเรียนระดับวิชาชีพให้เป็นไปตามมาตรฐาน คอร์สวิชาชีพยังเน้นทักษะการปฏิบัติงานจริง และการฝึกงานในอุตสาหกรรมจริง เหมาะสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนและทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนที่ออสเตรเลียอีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้ที่สนใจหลักสูตรวิชาชีพจะต้องมีคะแนน IELTS 5.5 หรือเทียบเท่าก็สามารถสมัครเรียนได้เลย ส่วนใครที่คะแนนไม่ถึงก็สามารถลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษก่อนได้

คอร์สวิชาชีพ ออสเตรเลีย

สำหรับน้องๆ ที่สนใจการไปเรียนต่อหลักสูตรวิชาชีพ ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนหลักสูตรไหนดี วันนี้พี่โทนี่รวบรวมหลักสูตรวิชาชีพยอดนิยมของนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติ มาให้น้องๆ แล้ว ซึ่งหลักสูตรที่พี่โทนี่เลือกมานี้รับรองว่าปังจริง บางหลักสูตรสามารถเป็น pathway ไปสู่การขอ PR (Permanent Resident Visa) ของออสเตรเลียได้อีกด้วย จะมีหลักสูตรใดบ้าง ไปดูกันเลย

VET course Australia Cookery

1. Cookery (การทำอาหาร)

หลักสูตรยอดนิยมอันดับหนึ่งสำหรับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงนักเรียนไทย เพราะเป็นหลักสูตรที่จะเป็นช่องทางในการขอ PR ในอนาคต คอร์สเรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร เมื่อสำเร็จการศึกษา สามารถทำงานในสายงานด้านเชฟ ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในออสเตรเลียและทั่วโลก น้องๆ จะได้เรียนรู้ตั้งแต่ทฤษฎี เคล็ดลับในการทำอาหาร การเตรียมและเลือกวัตถุดิบ เรียนรู้เรื่องความปลอดภัยรวมถึงสุขอนามัยในครัว

หลักสูตรที่แนะนำ

  • Certificate III in Commercial Cookery
  • Certificate IV in Commercial Cookery
  • Diploma in Hospitality Management

VET course Australia Hospitality

2. หลักสูตร Hospitality (การบริการ)

หลักสูตรการบริการ การโรงแรม เป็นหลักสูตรที่จะทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้วิธีการจัดการและการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนของงานบริการ ซึ่งงานบริการเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงแรม ทั้งแผนกต้อนรับ งานห้องอาหาร หรือแม้แต่งานอีเว้นท์ น้องๆ จะได้เรียนรู้ทั้งทักษะความเป็นผู้นำ การบริหารความเสี่ยง การจัดการแผนงานต่างๆ รวมถึงการบริหารการเงินภายใต้งบประมาณที่มี หากน้องๆ คนไหนที่ทำงานด้านบริการอยู่แล้ว และอยู่ในระดับ Senior แต่ต้องการเพิ่มทักษะด้านการบริการเพิ่มเติม หลักสูตร Hospitality ตอบโจทย์มากๆ

หลักสูตรที่แนะนำ

  • Certificate III in Hospitality
  • Certificate IV in Hospitality
  • Diploma of Hospitality
  • Diploma of Event Management

VET course Australia Leadership and Management

3. หลักสูตร Leadership & Management (ความเป็นผู้นำและการจัดการ)

หลักสูตรยอดนิยมอีกหนึ่งหลักสูตร ตัวหลักสูตรออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้การทำงานในตำแหน่งหัวหน้า ที่ต้องมีทักษะผู้นำ ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำในองค์กร เหมาะกับน้องๆ ที่ทำงานในองค์กรขนาดใหญ่และต้องการพัฒนาตนเอง เพื่อการเติบโตในสายงานในระดับที่สูงขึ้น

หลักสูตรที่แนะนำ

  • Certificate IV in Leadership and Management
  • Diploma of Leadership and Management
  • Advanced Diploma of Leadership and Management

VET course Australia Business

4. หลักสูตร Business (บริหารธุรกิจ)

หลักสูตรการบริหารธุรกิจเป็นหลักสูตรยอดนิยมในประเทศไทย เพราะน้องๆ หลายคนอยากจะเพิ่มพูนทักษะด้านการบริหารธุรกิจและการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษควบคู่กันไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ ต้องการเปิดธุรกิจของตัวเอง ต้องการเรียนรู้การบริหาร การจัดการ รวมถึงกลยุทธ์ทางการธุรกิจ เพื่อให้กระบวนการธุรกิจทั้งหมดประสบความสำเร็จ

หลักสูตรแนะนำ

  • Certificate IV in Business
  • Diploma of Business
  • Advanced Diploma of Business

VET course Australia Building and Construction

5. หลักสูตร Building and Construction (อาคารและการก่อสร้าง, งานช่าง)

หลักสูตรสุดท้ายที่พี่โทนี่ขอแนะนำซึ่งเป็นหลักสูตรที่มาแรงอีกหลักสูตรหนึ่ง แต่หลายๆคนอาจจะนึกไม่ถึง นั่นก็คือ หลักสูตรเกี่ยวกับอาคารและการก่อสร้าง ซึ่งในประเทศออสเตรเลีย ทักษะแรงงานด้านนี้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก และเป็นสายงานอาชีพที่สามารถต่อยอดในการขอ PR ในออสเตรเลียได้อีกด้วย หลักสูตรนี้น้องๆ จะได้เรียนรู้วิธีการต่างๆ ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติภายในสถานที่ก่อสร้าง มุ่งเน้นการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย การวางแผนการดำเนินการก่อสร้าง หลักสูตรอาคารและการก่อสร้าง น้องๆ จะได้ฝึกงานในสถานที่ที่โรงเรียนเป็นผู้จัดหาหรือดำเนินการให้ เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการทำงานจริง บอกเลยว่างานการก่อสร้างในประเทศออสเตรเลียเป็นงานที่มีค่าตอบแทนที่ถือว่าสูงมากๆ

หลักสูตรแนะนำในหลักสูตร อาคารและการก่อสร้าง รวมถึงงานช่าง

  • Certificate III in Building and Construction (Building)
  • Certificate IV in Building and Construction (Building)
  • Certificate III in Carpentry
  • Certificate III in Painting and Decorating
  • Certificate IV in building and Construction
  • Certificate III in Wall and Floor Tiling
  • Certificate IV in building and Construction

อย่างไรก็ตามสำหรับน้องๆ ที่สนใจเรียนต่อต่างประเทศ หรือสนใจไปเรียนหลักสูตรวิชาชีพ ที่ประเทศออสเตรเลีย สามารถทักมาหาพี่โทนี่ได้เลยที่ Facebook, Line OA, กรอกฟอร์มหน้าเว็บไซต์

Certificate Vs Diploma ที่ประเทศออสเตรเลีย หลักสูตรไหนที่เหมาะกับเรา

Certificate VS Diploma ออสเตรเลีย

มีนักเรียนไทยหลายคนสนใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศออสเตรเลียกันค่อนข้างมาก นอกจากการไปเรียนภาษาอังกฤษและเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คอร์สวิชาชีพยังเป็นคอร์สยอดนิยมในปัจจุบัน แต่นักเรียนหลายคนยังไม่แน่ใจว่าควรเรียนอะไรดี ระหว่าง Certificate หรือ Diploma วันนี้พี่โทนี่จะมาแนะนำและอธิบายความแตกต่างระหว่าง 2 คอร์สนี้ให้น้องๆ เอง

Certificate VS Diploma ออสเตรเลีย

ที่ประเทศออสเตรเลีย หลักสูตรวิชาชีพ จะเรียนสั้นๆ ว่า VET ย่อมาจาก Vocational Education Training หลักสูตรวิชาชีพจะได้รับการรับรองจากรัฐบาลออสเตรเลีย หรือ RTOs (Registered Training Organisations) และ ASQA (Australian Skills Quality Authority) เพื่อดูแลและประเมินคุณภาพของสถาบันการศึกษาให้เป็นไปตามมาตราฐาน

คอร์สวิชาชีพ VET Course จะเทียบเท่ากับระดับอาชีวศึกษาหรืออนุปริญญาในระบบการศึกษาไทย โดยจะเริ่มตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร (Certificate I-IV) ระดับ ปวช. (Diploma) ไปจนถึงระดับ ปวส. (Advanced Diploma)

Certificate กับ Diploma ที่ออสเตรเลียต่างกันยังไง?

หลักสูตร Certificate ออสเตรเลีย

หลักสูตร Certificate (I,II,III,IV)

หลักสูตรประกาศนียบัตร เป็นหลักสูตรสายอาชีพสำหรับผู้ที่สนใจที่ต้องการเรียนและทำงานควบคู่กันไป จะช่วยเพิ่มพูนทักษะในสาขาเฉพาะทาง และจะเน้นสอนในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้ในการทำงานจริง คอร์สที่เปิดสอนโดยทั่วไปและเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างมากคือ หลักสูตร คือ Business (ธุรกิจ), Cookery (ทำอาหาร), Patisserie (ทำขนม),Tourism (การท่องเที่ยว) , Hospitality (งานบริการ), และ Childcare (ดูแลเด็ก) เป็นต้น โดยในการเรียนจะเน้นภาคปฏิบัติ การลงมือทำจริงมากกว่าภาคทฤษฎี ค่าเรียนของคอร์ส Certificate จะราคาถูกว่า และระยะเวลาเรียนจะอยู่ที่ 6-12 เดือน ซึ่งสั้นกว่าหลักสูตร Diploma แต่ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับสาขาที่เลือกเรียนด้วย

IELTS

สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนหลักสูตร Certificate จะต้องมีระดับภาษาอยู่ที่ Upper-Intermediate หรือ มีผล IELTS 5.5 ขึ้นไป เมื่อเรียนจบระดับ Certificate III ,Certificate IV แล้วบางสถาบันสามารถเข้าเรียนในระดับ Diploma ได้โดยไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา

หลักสูตร Diploma ออสเตรเลีย

หลักสูตร Diploma เทียบเท่ากับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส)

หลักสูตร Diploma เป็นคอร์สวิชาชีพระดับสูง จะมีเนื้อหาที่เข้มข้นกว่าทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ มากกว่าหลักสูตร Certificate ทั้งยังเป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาตรีอีกด้วย ระยะเวลาของหลักสูตร Diploma ระยะเลาเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี ถ้าเรียนจบระดับ Diploma หรือ Advanced Diploma แล้วสามารถนำวิชาที่เรียนไปยกเว้นบางวิชาในระดับปริญญาตรี หรือการเทียบโอนหน่วยกิตที่เรียกว่า pathway ได้อีกด้วย ถ้าเรียนในสาขาที่ตรงหรือเกี่ยวข้องกัน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนวิชาที่เรียนลงและประหยัดเวลาได้ 1 – 2 ปีเลยทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาที่เราเลือกด้วย

สรุป Certificate VS Diploma ออสเตรเลีย

เนื้อหาข้างบนยาวไป ขี้เกียจอ่าน พี่โทนี่สรุปให้เป็นข้อๆ

ข้อแตกต่างระหว่างหลักสูตร Certificate และ Diploma ที่ออสเตรเลีย

หลักสูตร Certificate

  • เป็นหลักสูตรสายอาชีพ ช่วยเพิ่มพูนทักษะในสาขาเฉพาะทาง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนและทำงานควบคู่กันไป
  • เน้นสอนในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้ในการทำงานจริง
  • ราคาถูกกว่าหลักสูตร Diploma
  • ระยะเวลาเรียนสั้นประมาณ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เลือก)
  • ต้องมีระดับภาษาอยู่ที่ Upper-Intermediate หรือผล IELTS 5.5 ขึ้นไป
  • เมื่อเรียนจบระดับ Certificate III ,Certificate IV บางสถาบันสามารถเข้าเรียนในระดับ Diploma ได้โดยไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา

หลักสูตร Diploma

  • เป็นหลักสูตรวิชาชีพระดับสูง
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาตรี
  • เนื้อหาเข้มข้นทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ
  • ราคาแพงกว่าหลักสูตร Certificate
  • ใช้เวลาเรียนประมาณ 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เลือก)
  • ต้องมีระดับภาษาอยู่ที่ Upper-Intermediate หรือผล IELTS 5.5 ขึ้นไป
  • เมื่อเรียนจบระดับ Diploma หรือ Advanced Diploma สามารถนำวิชาที่เรียนไปยกเว้นบางวิชาในระดับปริญญาตรีได้ ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาที่เราเลือก
  • บางคอร์สต้องผ่านการเรียนหลักสูตร Certificate มาก่อน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะเห็นความแตกต่างของทั้ง Certificate และ Diploma ที่ประเทศออสเตรเลียกันมากขึ้นแล้วใช่มั้ย ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเรียนคอร์สวิชาชีพ ที่ประเทศออสเตรเลียหรือข้อมูลของคอร์สต่างๆ สามารถปรึกษาพี่ๆโทนี่ได้เลยที่ Facebook, Line OA, กรอกฟอร์มหน้าเว็บไซต์

Ref : https://www.tafensw.edu.au/

5 เหตุผล ทำไมจึงควรส่งลูกไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ

เรียนซัมเมอร์ ต่างประเทศ

ปัจจุบันโลกของเราเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่ทราบกันดีว่าทักษะภาษาอังกฤษเป็นอีกนึงทักษะที่สำคัญสำหรับน้องๆ นักเรียนที่จะเป็นประโยชน์ในชีวิตทั้งในการเรียนต่อและในการทำงานในอนาคต ผู้ปกครองบางท่านอาจจะยังไม่แน่ใจว่าควรส่งลูกไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศดีไหม วันนี้เรามี 5 เหตุผลดีๆ มาบอกว่าทำไมจึงควรส่งลูกไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ

1. ได้พัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษ

การไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศนั้น น้องๆ นักเรียนจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะทำให้ทักษะภาษาอังกฤษของน้องจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะทักษะการฟังและพูด เพราะน้องๆ นักเรียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ดังนั้นทักษะภาษาอังกฤษของน้องๆ นักเรียนจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน

2. ได้เพื่อนใหม่จากหลากหลายประเทศทั่วโลกและอาจจะได้ภาษาที่สาม

ซัมเมอร์ ต่างประเทศ

น้องๆ นักเรียนหลายคนอาจจะกลัวว่าไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศระยะสั้นแล้วจะไม่มีเพื่อน กลัวจะคุยไม่รู้เรื่อง มีปัญหาเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนักเรียนไทยหรือนักเรียนต่างชาติ ทุกคนล้วนมาไกลบ้านกันทั้งนั้น และต่างอยากพบปะเพื่อนใหม่ อยากเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน และนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนซัมเมอร์นั้นส่วนใหญ่มาจากทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรปและลาติน นอกจากจะได้สร้างมิตรภาพใหม่ๆที่อาจจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดแล้ว น้องๆ นักเรียนอาจจะได้เรียนรู้ภาษาที่สามอีกด้วย

3. ได้เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและค้นพบตัวเอง

การที่น้องๆ นักเรียนได้ออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ พบเจอผู้คนและเพื่อนใหม่ และได้ทำกิจกรรมใหม่ๆที่ไม่เคยทำด้วยตัวเอง เป็นวิธีการสร้างความมั่นใจในตัวเองที่ได้ผลดีอย่างมาก ไม่ว่าจะไปเรียนต่อในประเทศไหนก็ตาม แค่การพูดคุยกับเพื่อนใหม่ การซื้อของ ถามทาง แม้จะฟังดูธรรมดาแต่เชื่อเถอะว่า น้องๆ นักเรียนหลายคนจะรู้สึกดีกับตัวเองถึงสร้างความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และบางคนอาจจะได้ค้นหากิจกรรมใหม่ที่ตัวเองชื่นชอบก็เป็นได้

4. ประสบการณ์ที่จะไม่มีทางลืมและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่

แน่นอนว่าการที่น้องๆ นักเรียนมาเรียนที่ซัมเมอร์ต่างประเทศ นอกจากจะได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากในห้องเรียนในไทยแล้ว ยังได้ท่องเที่ยวได้เปิดประสบการณ์ชีวิต ได้ออกไปเจอโลกกว้าง ปรับมุมมอง ได้สร้างความทรงจำที่ดีที่จะไม่มีวันลืม รวมถึงการได้ซึมซับวัฒนธรรมใหม่ๆที่แตกต่างออกไปอีกด้วย

5. ได้เห็นความสำคัญของครอบครัว

การที่น้องๆ นักเรียนได้มาเรียนและใช้ชีวิตที่ห่างไกลครอบครัว อยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่ไม่คุ้นเคย แน่นอนว่า อาจจะทำให้หลายคนคิดถึงบ้าน และด้วยความห่างจะทำให้น้องๆ นักเรียนเห็นถึงความสำคัญของครอบครัวตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไงก็ตามอย่าลืมว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันที่การติดต่อสื่อสารไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ดังนั้นแค่ห่างกันซักพักอาจจะทำให้รักกันมากขึ้นก็ได้

เรียนซัมเมอร์ ต่างประเทศ

เหตุผลดีๆ ในการส่งลูกไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศยังมีอีกหลายข้อ ถ้าผู้ปกครองท่านไหนมีความมั่นใจแล้วว่าควรส่งน้องๆ ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ แต่ยังไม่รู้ว่าควรส่งไปที่เมืองไหน หรือประเทศไหนดี สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของ Tony Education ได้เลยค่ะ เรามีคอร์สซัมเมอร์ในหลายเมือง หลายประเทศทั่วโลก ที่เหมาะสมกับน้องๆ ทุกคนค่ะ

7 เหตุผลที่ควรเลือกไปเรียนภาษาอังกฤษที่ยุโรป

เรียนภาษา ยุโรป

อียู หรือ ยุโรป เป็นอีกสถานที่ที่น่าอยู่ และในแต่ละปีมีนักเรียนหลายล้านคนที่เลือกไปเรียนภาษาอังกฤษในประเทศแถบยุโรปนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาทักษะภาษาแล้ว ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างอีกด้วย วันนี้พี่โทนี่ มี 7 เหตุผลดีๆ มาช่วยให้น้อง ๆ ตัดสินใจง่ายขึ้น ในการเลือกไปเรียนภาษาอังกฤษในประเทศอียู

เรียนภาษาที่ 3

1) เพิ่มโอกาสด้านหน้าที่การงานในอนาคต

การที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศในยุโรป ถือเป็นการปูทางทางด้านอาชีพการงานในอนาคต เราสามารถที่จะอยู่ต่อได้หลังจากเรียนจบ หลาย ๆ ประเทศในยุโรปพยายามโน้มน้าวให้นักเรียนต่างชาติยู่ต่อหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งทางรัฐบาลก็สนับสนุนให้นักเรียนต่างชาติอยู่ทำงานต่อและหางานที่มั่นคงให้หลังจากเรียนจบ การที่เราได้รัฐบาลสนับสนุน ทำให้เราสามารถหางานทำในประเทศอียูได้ย่างถูกกฎหมาย ซึ่งสิ่งนี้จึงเป็นการช่วยเราในการหางานที่ดีในอนาคตได้

2) มีมาตรฐานการศึกษาระดับโลก

ระบบการศึกษาในประเทศอียู เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานสากลในระดับโลก มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดหลายแห่งก็ตั้งอยู่ในยุโรป เมื่อจบการศึกษาจากที่นี่นอกจากจะได้รับการยอมรับแล้ว คนที่จบจากมหาวิทยาลัยในยุโรปก็ยังเป็นที่ต้องการขององค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ อีกด้วย

3) มีทางเลือกสาขาในการเรียนที่หลากหลาย

เป็นที่รู้กันดีว่ามีมหาวิทยาลัยมากมายอยู่ในยุโรป ซึ่งมีหลักสูตรให้เลือกมากมาย มีให้เลือกทุกระดับ ทุกสาขา ทุกแขนง ที่อยากเรียน มีตั้งแต่มหาวิทยาลัยขนาดเล็กไปถึงมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเพียบพร้อมและเพียงพอสำหรับทุกคน น้อง ๆ สามารถเลือกเรียนในหลักสูตรที่ต้องการได้

4) ค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่แพง

ค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัยรัฐส่วนใหญ่ในยุโรป ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือ ออสเตรเลีย และในบางประเทศในยุโรปไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยซ้ำ เรียนฟรี และยังมีโอกาสที่จะได้รับทุนการศึกษาอีกด้วย และยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยสนับสนุนค่าเล่าเรียนในระว่างที่เราศึกษาอยู่ที่นั่น

5) ง่ายต่อการเดินทางทั่วยุโรป

เวลาที่เรียนที่ยุโรป การเดินทางไปทั่วยุโรปนั้นง่ายมาก เพราะวีซ่านักเรียน ทำให้น้อง ๆ สามารถเดินทางไปยัง 26 รัฐของยุโรปได้ การคมนาคมระหว่างประเทศก็ง่ายและใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน ตั๋วเที่ยวบินก็ราคาไม่แพง รถไฟและรถบัสก็มีให้บริการอย่างครบครัน เมื่อได้ไปเรียนที่ยุโรปแล้วควรใช้โอกาสนี้ออกเดินทางไปดูประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป ให้เป็นประสบการณ์และกำไรของชีวิต

6) ระบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยสอดคล้องกัน

ระบบการศึกษาในมหาวิยาลัยต่างๆในยุโรปสอดคล้องกันหมด ถ้าจบการศึกษาที่ประเทศสวีเดน ก็สามารถไปทำงานได้ที่เยอรมัน หรือสหราชอาณาจักรได้ เพราะวุฒิการศึกษาของทุกประเทศในยุโรปมีความเท่าเทียมกันหมด สามารถเอาวุฒิที่ได้ไปสมัครงานหรือเรียนต่อในประเทศอื่นๆ ได้

7) ภาษาในการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ

ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้ชีวิตประจำวันลำบาก เพราะสามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ ระบบการเรียนก็สามารถเลือกเรียนเป็นภาษาอังกฤษได้ ซึ่งการไปเรียนที่ยุโรป นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้ฝึกภาษาที่สาม ที่เป็นภาษาท้องถิ่นเพิ่มอีกด้วย ตามรัฐ หรือประเทศที่ไปอยู่

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหากน้อง ๆ คนไหนสนใจไปเรียนภาษาอังกฤษที่ยุโรปก็ทักพี่โทนี่มาได้เลยทั้งทาง Facebook, Line หรือฟอร์มติดต่อเราที่หน้าเว็บไซต์

Ref : https://www.study.eu