“เดินทางไปให้ไกลจนกว่าคุณจะค้นพบตัวเอง” โดย David Mitchell – ออกเดินทางค้นพบตัวเองด้วยการเรียนต่อที่เมลเบิร์น!!
เมลเบิร์นคือเมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย มีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย เป็นเมืองที่มีความเจริญมากและยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกด้วย เป็นอีกเมืองที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ เมืองของศิลปะ ดนตรี และการละคร และยังเป็นเมืองของสตรีทอาร์ท แฟชั่นชั้นนำ มีวัฒนธรรมกาแฟระดับโลกและกาแฟที่อร่อยมาก รวมทั้งมีจัดงานเทศกาลอยู่ตลอดทั้งปี มีอาคารสถาปัตยกรรมอย่างสถานีรถไฟฟลินเดอร์สตรีทที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมือง มีพิพิธภัณฑ์และอาร์ตแกลอรี่เก๋ๆ อยู่มากมายอย่างเช่นที่หอศิลป์แห่งชาติวิคตอเรียหรือที่พิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น มีโฮซิเออร์ เลน ถนนสตรีทอาร์ทและกราฟฟิตี้ชื่อดัง หรืออีกที่ๆ AC/DC Lane Graffiti จุดพวกสายถ่ายรูปแนวสตรีท สายรักกล้องฟิล์ม พลาดไม่ได้ มีเบิร์กสตรีทมอลล์และทั้งหมดในโซน Central Business District (CBD) ที่เป็นแหล่งชอปปิ้งสำคัญของเมือง หรือจะไปเดินเล่นซื้อของที่ตลาดควีนวิคตอเรีย ตลาดเก่าแก่ประจำเมือง บรรยากาศอย่างดี มีฟู๊ดทรัคและดนตรีสดให้นั่งเพลินๆด้วย มีร้านกาแฟเจ๋งๆอยู่เยอะมาก ร้านอาหารอร่อยๆก็เยอะ นี่ยังมีมรดกโลกที่กำลังจะถูกขึ้นทะเบียนโดยองค์กรยูเนสโก้อย่างที่ Royal Exhibition Building การเรียนต่อที่เมลเบิร์นจึงเหมาะมากผู้ที่ชอบศิลปะและความเป็นเมืองใหญ่
เมืองยอดนิยมสำหรับการเรียนต่อ
เมลเบิร์นยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่มีนักเรียนต่างชาติเดินทางมาเรียนต่อเยอะมากในแต่ละปี เรื่องมาตรฐานการศึกษาของประเทศออสเตรเลียก็ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ที่เมลเบิร์นเองก็มีโรงเรียนมัธยมระดับท็อปของประเทศตั้งอยู่หลายแห่ง มีมหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับสองของประเทศและติดอันดับท็อปโลกด้วยคือที่ University of Melbourne เมลเบิร์นยังอยู่อันดับสี่ของเมืองมหาวิทยาลัยโลกต่อจากลอนดอน บอสตันและโตเกียว ค่าเทอมเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่นี่ค่อนข้างสูงแต่ก็ยังเป็นที่นิยมของนักเรียนต่างชาติอยู่ดี ที่เมลเบิร์นยังมีสถาบันสอนภาษาตั้งอยู่หลายแห่งในตัวเมือง มีหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากอย่างเช่นหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษแบบเร่งรัดและหลักสูตรวิชาชีพอย่างบาริสต้า ทำผมและที่เกี่ยวกับแฟชั่นและความงาม สิ่งที่พิเศษอีกอย่างของที่นี่คือคนที่ถือวีซ่านักเรียนก็สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แบบถูกกฎหมาย แม้จะไม่ได้มากแต่ก็เป็นการช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละสัปดาห์ได้ ทำให้มีนักเรียนเดินทางมาเรียนต่อที่เมลเบิร์นเยอะมาก
ไลฟ์สไตล์แบบชาวเมือง
แม้ว่าความเป็นอยู่ในเมลเบิร์นจะค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็ยังอยู่ในงบประมาณที่สามารถบริหารจัดการได้ คล้ายๆกับที่ซิดนีย์คือเรื่องการเดินทางภายในเมืองสะดวกมาก มีทั้งรถราง รถไฟและรถประจำทาง ในช่วงที่เดินทางไปถึงแรกๆขอแนะนำให้พักกับครอบครัวท้องถิ่นที่จัดหาให้โดยทางสถาบัน จากนั้นจึงค่อยใช้เวลาหาเพื่อนแชร์อพาร์ทเมนท์ด้วยกันหากเลือกเรียนหลักสูตรระยะยาว เรื่องอาหารการกินไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย ในเมืองมีทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อและตลาดคนท้องถิ่น ที่นี่มีกิจกรรมให้คุณทำมากมายหลังเลิกเรียนและวันหยุดยาว ถ้าวันไหนคุณรู้สึกอยากใช้เวลาสบายๆ ที่นี่มีร้านกาแฟชิคๆให้ไปนั่งเยอะมาก หรือคุณอาจจะไปนั่งอ่านหนังสือในหอสมุดแห่งรัฐวิคตอเรีย พักผ่อนที่สวนฟิตซรอย นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่หาดเซนต์กิลดา ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์อาจจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแกรมเปี้ยน หรือเกาะฟิลลิปก็ได้ ถ้ามีวันหยุดยาวๆ เราแนะนำให้คุณเช่ารถไปขับเที่ยวเล่นบนถนน Great Ocean Road เส้นทางโรดทริปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เมลเบิร์นมีกิจกรรมที่ต้องทำ มีสถานที่ๆต้องไปเยอะมากรวมถึงการศึกษาดี ทำงานพาร์ทไทม์ได้นิดหน่อยและที่สำคัญคือเมลเบิร์นยังติดอันดับ “เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก” แทบจะทุกปีจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักเรียนต่างชาติจึงนิยมมาเรียนต่อที่เมลเบิร์น
